แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข้อคิด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข้อคิด แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562

10 ข้อคิดดีๆ สำหรับนักพนันออนไลน์



ในการเล่นการพนันแบบเล่นใน บ่อน และเล่นใน คาสิโนออนไลน์ ผู้เล่นทุกคนจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องของ คาสิโน กันทั้งนั้น โดยวันนี้เรามี 10 ข้อคิดดีๆมากฝากสำหรับคนเล่นพนันออนไลน์โดยเฉพาะ รับรองว่ามีประโยชน์ต่อสมาชิกทุกคนไม่มากไม่น้อยอย่างแน่นอน





1.รู้จักหาสูตรมาใช้ และ รู้จักวิธีเดินเงิน การหาสูตรก็เหมือนกับการที่เราหาอาวุธมาสู้กับศัตรู ยิ่งเรามีสูตรดีเท่าไหร่เราก็จะมีโอกาสชนะมากขึ้น พอมีสูตรแล้วสิ่งที่จำเป็นต่อมานั่นก็คือ วิธีการเดินเงิน เพราะเงินเป็นปัจจัยหลักที่นำไปใช้เล่น เราจึงควรรู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ เหมาะสมต่อการเดิมพันมากที่สุด


2.เล่น บาคาร่า ต้องมีสูตร การเล่นบาคาร่า เป็นอีกเกม คาสิโนออนไลน์ ที่ต้องเล่นแบบอาศัยสูตรเข้าช่วย อย่าเข้ามาเล่นออนไลน์แบบไม่รู้อะไรเลย เจ้งแน่นอน


3.หาความถนัดของตัวเอง บางคนเล่นคาสิโนเก่งมาก แต่พอหันไปแทงบอลโดนกินเรียบ หาความถนัดของตัวเองให้ได้แล้วเลือกในสิ่งที่ถนัดที่สุด


4.หยุดเงิน เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่า เงินเราไหลไปกับ คาสิโนออนไลน์ มากเกินไปแล้วนะ ให้เราหยุดเกมไว้บ้าง อันนี้หลายคนคอนเฟิร์มว่าจริง พอมาเล่นใหม่จะดีขึ้นกว่าเดิม


5.สูตรการแทงทบจะได้ต้นทุนพร้อมกำไร ไม่จริงเสมอไปนะครับ อย่าประมาทท เจ้งมาหลายรายแล้ว


6.เฮือกสุดท้ายไม่โชคดีเสมอไป บางคนเหลือไม้สุดท้าย แทงแล้วได้ทุนคืน แถมกำไรอีกก้อน เป็นเรื่องที่โชคดีมากๆ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นน้อยจริงๆ และมันจะแสดงให้เห็นว่าสูตรของคุณไม่ดีพอนะถ้าต้องใช้ไม้สุดท้ายตลอด


7.พึงระลึกไว้เสมอสูตรที่ได้มาไม่ได้การันตีว่าจะชนะเสมอไป ความจริงมันได้แค่ 50/50 เท่านั้นเอง


8.ทำใจถ้าเล่นอยู่ดีๆ เด้งหลุดซะอย่างนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควบคุมยาก พยายามหาอุปกรณ์การเล่น คาสิโน ดีๆ มาใช้งาน และหาอินเตอร์เน็ตแรงๆ พอที่จะทำให้การเล่นของเราไหลลื่นไม่สะดุด ไม่เด้งหลุดออกมา นั่นเอง


9.ถ้าเล่นแล้วเกิดอาการค้าง ภาพช้า ภาพดูนิ่งๆ แนะนำว่า ให้หยุดเล่นก่อน เพราะนั่นอาจหมายความว่า คุณกำลังจะโดนกินซะแล้ว

10.สู้ไม่ไหว ก็ย้ายซะ ถ้าสู้ไม่ไหว สู้ไม่ได้ แนะนำว่าให้ถอนตัวออกจากโต๊ะนั้นซะ ไปหาโต๊ะใหม่ดีกว่า ครับ

“6 ข้อคิดคนจบใหม่” เตรียมพร้อม สำหรับการเป็นผู้ประกอบการ


6-thinking-for-new-graduate-to-entrepreneur-01
คนรุ่นใหม่แทบทุกคนมีความฝันอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง และหลายคนอยากเป็นผู้ประกอบการแทบจะทันทีที่เรียนจบ แต่บันไดสู่การเป็นผู้ประกอบการนั้นไม่ง่าย และต้องอาศัยการเตรียมตัวล่วงหน้ามาอย่างดี และแม้ เงินลงทุน เป็นสิ่งสำคัญ แต่เชื่อหรือไม่ว่า เงินลงทุน ไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในการทำธุรกิจ
กล่าวคือหากคุณเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนที่เพียงพอตั้งแต่แรก แต่ขาดความเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เงิน 10 ล้าน หรือ 100 ล้านก็จะหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สร้างผลลัพธ์ใด ๆ ให้คุณเลย และต่อไปนี้ คือ 6 ข้อคิดเตรียมพร้อม สำหรับคนจบใหม่อยากเป็นผู้ประกอบการ

1. ต้องรู้ตัวว่าจะทำธุรกิจนั้นไปทำไม

อยากเปิดร้านกาแฟครับ, อยากทำแบรนด์เครื่องสำอางค่ะ, อยากขายเสื้อผ้าค่ะ ฯลฯ คนหนุ่มสาวที่อยากเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความ ‘อยากทำ’ อะไรสักอย่???งเป็นของตัวเองในใจอย่างน้อย 2 – 3 ประเภทธุรกิจ แต่การ อยากเปิดธุรกิจอะไร ไม่สำคัญเท่า อยากทำไปทำไม
เพราะ ‘อยากทำอะไร’ อาจเป็นเพียง ‘สิ่งที่คุณคิดไปเองว่ามันดี’ เช่น คุณอาจชอบดื่มกาแฟจึงอยากเปิดร้านกาแฟ คุณอาจรู้สึกว่าตัวเองชอบซื้อเสื้อผ้าจึงอยากเปิดร้านขายเสื้อ, หรือแม้กระทั่งอยากทำแบรนด์เครื่องสำอาง เพียงเพราะคิดว่ามันรวยเร็ว! โดยที่คุณไม่เคยมี ข้อมูล ความรู้ และ ข้อเท็จจริงใด ๆ เกี่ยวกับธุรกิจนั้นเลย นี่คือสิ่งที่อันตรายมากสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นนายตัวเอง

ฉะนั้นคุณต้องถามตัวเองว่า ‘WHY’ หรือ ‘ทำไม’ จึงอยากทำธุรกิจนี้

  • ธุรกิจและสินค้าของคุณ มีประโยชน์อย่างไรต่อลูกค้า
  • ธุรกิจและสินค้าของคุณ แก้ปัญหาอะไรให้ตลาด
  • ธุรกิจและสินค้าของคุณ สร้างผลกระทบทางบวกอย่างไรต่อสังคม
  • ธุรกิจและสินค้าของคุณ จะเป็นอย่างไรในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้า
  • และทำไม ลูกค้าต้องซื้อสินค้าจากคุณ
  • ฯลฯ
หรือกล่าวโดยสรุป จงทำธุรกิจใด ๆ ไม่ใช่เพราะสักแต่เพราะว่าตัวเองอยากทำ แต่ทำโดยเอา ลูกค้าเป็นตัวตั้ง ว่ามันจะไปช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ตลาดนั้น ๆ เป็นหลัก

2. ต้องรู้ตัวว่าตนเองถนัดอะไร

สิ่งที่คุณชอบ กับ สิ่งที่คุณถน???ด (หรือเชียวชาญ) เป็นคนละเรื่องกัน คุณอาจชอบกินของอร่อย แต่คุณอาจไม่ใช่นักทำอาหารที่อร่อย แต่ถ้าหากคุณเป็นนักนำเสนอที่ พูด หรือ เขียน ให้อาหารดูน่าอร่อย นั่นคือ ความเชียวชาญของคุณ
ความเชี่ยวชาญมีผลต่อการ เลือกธุรกิจ และ การกำหนดหน้าที่หลัก ของคุณในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ เพราะในช่วงเริ่มต้น คุณอาจต้องทำหลายหน้าที่ภายในกิจการด้วยตนเอง และหากกิจการนั้นมีสิ่งที่คุณทำไม่เป็นเอาเสียเลยจนต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาทำให้ นอกจากจะมีต้นทุนสูงแล้ว ยังเป็นการฝากอนาคตธุรกิจไว้ในมือคนอื่นมากเกินไป
กลับมาที่ตัวอย่าง : หากคุณ พูด เขียน และ นำเสนอ อาหารให้ดูน่าอร่อย อาจเป็นไปได้ว่าคุณมีความเชี่ยวชาญด้านการสื่อสารการตลาด คุณเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ โดยการรับให้บริการทำสื่อสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารอื่น ๆ สร้างเว็บไซต์ หรือ ช่องยูทูป ที่พูดเรื่องอาหาร และมีรายได้จากการลงโฆษณา และต่อยอดไปสู่การขาย วัตถุดิบ และ เครื่องประกอบอาหาร
ยกตัวอย่าง แฟนเพจ Tasty — กลุ่มผู้ก่อตั้งเป็นกลุ่มคนรักการกิน เริ่มต้นจากการทำวีดีโอสอนทำอาหาร แม้เราจะไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่เรารู้เพียงว่าเขานำเสนอได้น่ากินมาก จนในที่สุดแฟนเพจนี้ก็ได้พัฒนาไปสู่การ ขายอุปกรณ์ทำอาหารโดยมีห้าง Walmart เป็นพาร์ทเนอร์การค้า — นี่คือตัวอย่างของคนชอบกินที่ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านอาหาร ก็สามารถอยู่ในธุรกิจอาหารได้เช่นกัน
6-thinking-for-new-graduate-to-entrepreneur-03
6-thinking-for-new-graduate-to-entrepreneur-04

3. ต้องพาตัวเองไปอยู่ในระบบธุรกิจจริง

การทำธุรกิจมีความซับซ้อนกว่าที่หลายคนเข้าใจ การมีไฟ มีฝัน หรือแม้แต่มีทุน ไม่สามารถทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้หากปราศจากทักษะและประสบการณ์ในการ บริหารคน บริหารการเงิน และความเข้าใจกระบวนการทำงานแบบองค์กร
คุณจำเป็นต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบธุรกิจจริง และวิธีที่คุณจะเรียนรู้ธุรกิจจริงได้ดีที่สุด คือ ที่งานประจำ
หากคุณสงสัยว่า จำเป็นต้องทำงานในบริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจที่คุณอยากทำหรือไม่? คำตอบ คือ ถ้าได้ก็ดี แต่ก็ไม่จำเป็น เพราะสิ่งที่คุณต้องการเรียนรู้ คือ ระบบการบริหารงานตั้งแต่ภาค OperationOffice ไปจนถึงระดับ Management เพื่อให้เข้าใจโครงสร้างอย่างทะลุปรุโปร่ง
จงมองให้เห็นประโยชน์ของการทำงานประจำให้เป็น สำนักจอมยุทธ์ ที่จะบ่มเพาะให้คุณกลายเป็นผู้ประกอบการที่ดีในอนาคต และที่สำคัญ งานประจำ คือสถานที่ฝึกทำธุรกิจโดยที่เขาจ่ายค่าจ้างให้คุณในขณะเรียนรู้!

4. ต้องพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง

6-thinking-for-new-graduate-to-entrepreneur-02
คุณคือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่คบด้วย’ ประโยคสุดคลาสสิกของ Jim Rohn นั้นมีมูลความจริง หากวันนี้คุณอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่พากันลงสู่อบายมุข ก็เป็นการยากที่คุณจะใช้ชีวิตโดยไม่ไปกระทบกับอบายมุข ฉะนั้นคุณต้องจูนคลื่นชีวิตใหม่และย้ายตัวเองไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่มีเป้าหมายคล้ายกัน
ถึงจุดนี้บางคนอาจสงสัยว่าเมื่อเป็นคนรุ่นใหม่ อายุน้อย ไม่รู้จักใคร และไม่มีคอนเนคชั่น จะพาตัวเองไปหาคนเก่ง ๆ อย่างไร ช่องทางเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดสำหรับคุณ คือ งานสัมมนา
งานสัมมนา คือ สถานที่รวมตัวของยอดขุนพล คนเก่ง และนักธุรกิจ เพราะคนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากมีคุณลักษณะหนึ่งที่คล้ายกัน คือ รักการเรียนรู้ พวกเขาจึงมักจัดเวลาในแต่ละเดือนไปเข้าคอร์สอบรมและสัมมนาต่าง ๆ โดยนักธุรกิจบางคนมียอดขายในกิจการปีละหลายร้อยล้านบาทก็ยังไปเข้าสัมมนากันเป็นปกติ

5. ต้องเริ่มต้นทำจากเล็ก ๆ คู่กับงานประจำ

คนรุ่นใหม่ควรระมัดระวังอารมณ์มั่นใจเกินเหตุโดยการกระโดดมาทุ่มทำธุรกิจเต็มตัวอย่างกะทันหัน โดยที่คุณสมบัติการเป็น ผู้ประกอบการ ในตัวคุณยังไม่สุกงอม
คุณควรเอาไอเดียที่มีมาเริ่มต้นทำธุรกิจเล็ก ๆ คู่กับงานประจำ — ภาษาอังกฤษเรียกว่า Side Hustle — เพื่อเป็นการทดลองว่าไอเดียของคุณมีตลาดรองรับ และเพื่อให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนใช้จ่ายในระหว่างฟักตัว เพราะในโลกของการทำธุรกิจนั้นต่างจากงานประจำโดยสิ้นเชิง
งานประจำ มีเงินเดือนที่แน่นอนทุกเดือน รวมไปถึงมีโบนัส และสวัสดิการต่าง ๆ ในขณะที่ธุรกิจส่วนตัวไม่มีหลักประกันใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนั้น การทำธุรกิจในช่วงปีแรกมักยังไม่ทำกำไรเพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ดังนั้นคุณจึงต้องการ กระแสเงินสด จากช่องทางอื่นเพื่อมาหล่อเลี้ยงตัวเองในช่วงกำลังตั้งไข่ธุรกิจส่วนตัว

6. ต้องวางแผนการเงินก่อนเริ่มธุรกิจจริง

อย่างที่บอกไปว่า ธุรกิจส่วนตัว อาจใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีเพื่อที่จะมีกำไรพอเลี้ยงตัวได้ และอาจใช้เวลา 3 – 5 ปีในการ Scale ไปในระดับที่เริ่มพอกินพอใช้ และ 10 ปีขึ้นไปสู่ความมั่งคั่งจริงจัง ดังนั้นคุณต้องวางแผนการเงินให้ดีก่อนเริ่มธุรกิจจริง และการวางแผนการเงินขั้นพื้นฐานสุด คือ อย่าก่อหนี้ระยะยาว
หนี้ระยะยาว ได้แก่ หนี้บ้าน และ หนี้รถ เป็นหนี้ก้อนใหญ่ และเป็นตัวดึงเงินสดในแต่ละเดือนออกจากคุณไปเป็นจำนวนมาก ค่าผ่อนรถยนต์รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ อย่างน้อยประมาณ 12,000 -15,000 บาทต่อเดือน ค่าผ่อนบ้านก็เช่นกัน หากคุณเป็นหนี้ 2 อย่างนี้ คุณอาจต้องเสียเงินไม่น้อยกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อความยืดหยุ่นในการลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจส่วนตัว
หากเป้าหมายของคุณชัดว่าอยากเป็น ผู้ประกอบการ จงอย่าด่วนก่อหนี้ แต่จงวางแผนทำงาน ออมเงิน แบ่งเวลาไปสร้างธุรกิจ จนกระทั่งเมื่อธุรกิจของคุณเจริญรุ่งเรื่องในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้า ถึงตอนนั้นจะซื้อบ้านซื้อรถก็ไม่มีปัญหาอีกแล้ว